
ทำความรู้จักขยะทั้ง 4 ประเภท และการแยกขยะให้ถูกต้อง
ในปัจจุบันปัญหาขยะเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกต้องเผชิญ นอกจากการเพิ่มขึ้นของขยะที่เกิดจากการผลิต และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการมนุษย์แล้ว การกำจัดขยะที่ไม่ถูกวิธีและการขาดการแยกขยะอย่างถูกต้องทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนทั่วไป เนื่องจากขยะและวัสดุแต่ละประเภทนั้นมีระยะเวลาการย่อยสลายของขยะต่างกัน การทำความเข้าใจประเภทของขยะและมีการแยกขยะอย่างเหมาะสม จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการจัดการปัญหานี้ โดยขยะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
Table of Contents
Toggle- ประเภทที่ 1: ขยะอินทรีย์
ขยะที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เช่น เศษอาหาร เปลือกผลไม้ และเศษพืชผัก ขยะประเภทนี้สามารถนำไปใช้ในการทำปุ๋ยหมักสำหรับบำรุงดินได้อย่างดี
- ประเภทที่ 2: ขยะรีไซเคิล
ขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ขวดพลาสติก กระดาษ โลหะ และแก้ว การนำขยะเหล่านี้ไปแยกและจัดการด้วยวิธีการรีไซเคิลจะช่วยลดปริมาณขยะและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
- ประเภทที่ 3: ขยะอันตราย
ขยะที่มีสารเคมีอันตรายหรือสารพิษ เช่น แบตเตอรี่ หลอดไฟ ขยะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขยะอันตรายต้องการการจัดการที่ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์
- ประเภทที่ 4: ขยะทั่วไป
ขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่ายและย่อยสลายได้ยาก เช่น โฟม ถุงพลาสติก และฟองน้ำ ซึ่งขยะประเภทนี้มักถูกนำไปฝังกลบหรือนำไปเผาเพื่อกำจัด
ระยะเวลาการย่อยสลายของขยะแต่ละชนิด
ขยะแต่ละชนิดมีระยะเวลาในการย่อยสลายของขยะที่แตกต่างกัน ขยะบางชนิดสามารถย่อยสลายได้รวดเร็ว ขณะที่ขยะบางชนิดต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือแม้กระทั่งเป็นร้อยปีในการย่อยสลาย เนื่องจากความแตกต่างของประเภทวัสดุ สภาพแวดล้อมที่ขยะถูกทิ้งไว้ และวิธีการที่ใช้ในการกำจัดขยะที่แตกต่างกันในแต่ละวิธี สำหรับระยะเวลาการย่อยสลายของขยะแต่ละชนิด มีดังนี้
- เศษอาหาร
เศษอาหารเป็นขยะที่สามารถย่อยสลายได้เร็ว โดยปกติขยะประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือนในการย่อยสลายจนหมด เศษอาหารที่ถูกนำไปทำปุ๋ยหมักจะกลายเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดินและสามารถใช้ในงานเกษตรกรรมได้อย่างมีประโยชน์
- กระดาษ
กระดาษเป็นขยะที่สามารถย่อยสลายได้ในเวลาเฉลี่ย 2-5 เดือน ขึ้นอยู่กับความชื้นและสภาพแวดล้อม การฝังกลบกระดาษในพื้นที่ที่แห้งอาจทำให้กระบวนการย่อยสลายช้าลง แต่หากมีการฝังกลบในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง กระบวนการย่อยสลายของกระดาษจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
- ขวดพลาสติก
พลาสติกเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ยาก ขวดพลาสติกทั่วไปใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี นอกจากนี้การเผาพลาสติกเพื่อกำจัดยังมีส่วนในการสร้างมลพิษในอากาศ และถือเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของการเกิดมลพิษในปัจจุบัน ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการกำจัดพลาสติกคือ การรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่
- กระป๋องอะลูมิเนียม
กระป๋องอะลูมิเนียมมีระยะเวลาการย่อยสลายของขยะใช้เวลาประมาณ 200-500 ปีในการย่อยสลาย แต่ข้อดีของอะลูมิเนียมคือ สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เกือบ 100% โดยไม่สูญเสียคุณภาพ การรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
- ขวดแก้ว
แก้วจัดเป็นขยะที่มีการย่อยสลายได้ยากที่สุดในบรรดาขยะทั้งหมด โดยใช้เวลานานถึง 1,000 ปี หรืออาจไม่มีการย่อยสลายเลย การรีไซเคิลแก้วด้วยการนำไปขายยังร้านรับซื้อขยะรีไซเคิลจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้แก้วเหล่านี้กลายเป็นปัญหาของสิ่งแวดล้อม
- โฟม
โฟมเป็นขยะที่ใช้เวลาในการย่อยสลายนานมากกว่า 500 ปี และไม่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ง่าย ๆ ขยะประเภทนี้จึงต้องใช้พื้นที่ในการฝังกลบมากและยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันจึงมีการรณรงค์เพื่อลดการใช้งานโฟมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาปริมาณขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้
- ยางรถยนต์
ยางรถยนต์เป็นขยะที่ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายประมาณ 50-80 ปี แต่สามารถนำไปกลับไปใช้ซ้ำในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การแปรรูปเป็นพื้นยางในสนามเด็กเล่นหรือนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงาน
วิธีการกำจัดขยะด้วยวิธีการต่าง ๆ
สำหรับการกำจัดขยะนั้น มีวิธีการกำจัดขยะหลายแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นวิธีการหลัก ๆ ได้ดังนี้
- การเผาขยะ
การเผาขยะช่วยลดปริมาณขยะได้อย่างรวดเร็วและใช้พื้นที่น้อย แต่การเผาขยะเป็นวิธีการกำจัดขยะที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศได้มาก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสารพิษจากพลาสติกที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การเผาขยะจึงควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ หรือทำโดยบริษัทรับซื้อขยะ
- การฝังกลบขยะ
การฝังกลบเป็นวิธีที่เหมาะกับขยะที่สามารถย่อยสลายได้ ข้อดีคือมีต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ แต่ข้อเสียคือใช้พื้นที่มากและทำให้เกิดก๊าซมีเทนหรือก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่มีผลเสียในการทำลายชั้นบรรยากาศ
- การรีไซเคิล
การรีไซเคิลเป็นวิธีการที่ยั่งยืนมากที่สุดสำหรับการจัดการขยะที่สามารถนำมาแปรรูปให้เป็นวัตถุดิบใหม่ เช่น พลาสติก กระดาษ และโลหะ กระบวนการนี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการผลิตวัสดุชิ้นใหม่ ลดปริมาณขยะ และลดการปล่อยมลพิษในกระบวนการผลิตใหม่
- การใช้ซ้ำ (Reuse)
การใช้ซ้ำหรือนำมาใช้ใหม่เป็นวิธีการลดปริมาณขยะที่มีความสำคัญ เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก หรือการนำขวดแก้วกลับมาใช้ใหม่ การใช้ซ้ำช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดและลดปริมาณการใช้ทรัพยากร
- การผลิตปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์
ขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหารและพืชผัก สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในงานเกษตรกรรมได้ การทำปุ๋ยหมักช่วยเพิ่มสารอาหารให้ดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมีและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
EMI บริษัทรับซื้อขยะรีไซเคิล พร้อมกำจัดอย่างถูกวิธี
ระยะเวลาการย่อยสลายของขยะแต่ละชนิดนั้น ใช้เวลาที่แตกต่างกันไปตามประเภทวัสดุและสภาพแวดล้อม ขยะแต่ละชนิดมีวิธีการกำจัดที่เหมาะสมเพื่อให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิล การฝังกลบ หรือการทำปุ๋ยหมัก การจัดการขยะอย่างถูกวิธีถือเป็นการช่วยลดปริมาณขยะในสิ่งแวดล้อมและช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม EMI เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการรับซื้อขยะรีไซเคิลและกำจัดขยะรีไซเคิล โดยเฉพาะเศษขยะพลาสติกและเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานอุตสาหกรรม โดยเรามีใบอนุญาตสำหรับการกำจัดขยะด้วยวิธีการที่เป็นมิตรและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยกระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐาน ทำให้ขยะรีไซเคิลเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ ลดการผลิตทรัพยากรใหม่และป้องกันการเกิดมลพิษในระยะยาว การนำขยะรีไซเคิลมาขายให้กับ EMI ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะที่ต้องกำจัด ยังส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด มาร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและช่วยลดปัญหาขยะไปพร้อมกับ EMI