Scroll Top

ภัยธรรมชาติ คืออะไร สาเหตุของภัยธรรมชาติเกิดมาจากอะไร

ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มักทิ้งร่องรอยความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าแท้จริงแล้ว “ภัยธรรมชาติ คืออะไร” และ “ภัยธรรมชาติ เกิดจากอะไร” บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงสาเหตุของภัยธรรมชาติ รูปแบบที่พบบ่อย รวมถึงแนวทางการลดปัญหาและบรรเทาความรุนแรงของภัยพิบัติ ด้วยวิธีที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ เช่น การลดขยะ การรีไซเคิล และการขายขยะให้แก่บริษัทรับซื้อขยะรีไซเคิล เพื่อร่วมกันลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่ส่งผลโดยตรงต่อการเกิดภัยธรรมชาติ

ภัยธรรมชาติ คืออะไร

ภัยธรรมชาติ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้จากธรรมชาติ และส่งผลกระทบอย่างมากต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสภาพแวดล้อมโดยรวม ภัยเหล่านี้อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟป่า หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงระยะยาว เช่น ภัยแล้ง หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล 

ภัยธรรมชาติ เกิดจากอะไร คำตอบนี้มีทั้งจากกระบวนการทางธรรมชาติที่ยาวนาน เช่น การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก หรือปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา เช่น พายุฝน หรือภาวะเอลนีโญ แต่ในปัจจุบัน มนุษย์ได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เร่งให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น หลายหน่วยงาน เช่น UNHCR และโครงการขององค์การสหประชาชาติ (UN) ได้รายงานตรงกันว่าภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงและถี่ขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

ภาวะโลกร้อน สาเหตุหนึ่งของการเกิดภัยธรรมชาติ

เมื่อพูดถึงสาเหตุของภัยธรรมชาติที่รุนแรงและถี่ขึ้นในปัจจุบัน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดคือ “ภาวะโลกร้อน” ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติ ได้แก่

  • อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น และเกิดน้ำท่วมชายฝั่งมากขึ้น
  • ระบบอากาศแปรปรวน เกิดพายุฝน พายุเฮอริเคน หรือไซโคลนที่รุนแรงและไม่แน่นอน
  • ภาวะแห้งแล้ง ในบางภูมิภาคส่งผลกระทบต่อการเกษตรและการดำรงชีวิตของประชาชน
  • ความเสี่ยงต่อไฟป่า เพิ่มขึ้นอย่างมากในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงและฝนตกน้อย

จากรายงานของ Singha Estate และองค์การสหประชาชาติ ภาวะโลกร้อนไม่เพียงแต่เปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ แต่ยังทำให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นด้วยความถี่และความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์อย่างแท้จริง

ภัยธรรมชาติที่พบได้บ่อย มีอะไรบ้าง

ในแต่ละปี โลกต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติหลายประเภท ซึ่งมีความรุนแรงและความเสียหายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้สามารถแบ่งประเภทของภัยธรรมชาติที่พบได้บ่อยออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

  • แผ่นดินไหว – แผ่นดินไหวเกิดจากการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นเปลือกโลกที่ลึกลงไปในใต้พื้นดิน ก็จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นที่ผิวโลก ความรุนแรงของแผ่นดินไหวสามารถวัดได้จากความเร็วและการกระจายตัวของแรงสั่นสะเทือน ซึ่งหากเกิดในเมืองใหญ่จะมีโอกาสสูงที่จะสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานและคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการก่อสร้างอาคารไม่สามารถทนทานต่อการสั่นสะเทือนเหล่านั้นได้
  • น้ำท่วม – น้ำท่วม ถือเป็นภัยธรรมชาติที่พบได้บ่อยในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีทั้งการน้ำท่วมจากฝนตกหนักและการที่ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นสูงเกินขีดความสามารถในการระบายน้ำของพื้นที่ สาเหตุหลักมาจากฝนตกหนัก การบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงปัญหาการอุดตันของระบบระบายน้ำ เช่น ขยะที่ตกค้างในท่อระบายน้ำ เป็นต้น
  • ไฟป่า – ไฟป่า มักเกิดในช่วงฤดูร้อนหรือภาวะแห้งแล้งที่ยาวนาน ซึ่งไฟป่าสามารถเกิดได้จากธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่าที่กระทบกับพืชที่แห้ง แต่ส่วนใหญ่ไฟป่าเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาพื้นที่เกษตร หรือความประมาทในการทิ้งบุหรี่หรือไฟที่ไม่ได้ดับให้หมด เมื่อไฟป่าเกิดขึ้นมันสามารถลุกลามไปได้อย่างรวดเร็วและทำลายพื้นที่ป่าไม้จำนวนมาก รวมถึงการสูญเสียสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ที่เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์และสัตว์
  • ภัยแล้ง – ภัยแล้ง เกิดจากการขาดแคลนน้ำในระยะยาว ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝนที่ตกลงมาในแต่ละปีและการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างเกินขีดจำกัด การเกิดภัยแล้งสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเกษตรกรรม ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงหรือไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เช่น ข้าว ข้าวโพด หรือพืชผักต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารหลักของมนุษย์และสัตว์
  • พายุไซโคลน / เฮอริเคน / ไต้ฝุ่น – พายุไซโคลน, เฮอริเคน, และ ไต้ฝุ่น เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและแรงลมในมหาสมุทร ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสลมรุนแรงและฝนตกหนัก ในบางกรณีพายุเหล่านี้อาจทำลายเมืองทั้งเมืองในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ด้วยความเร็วลมที่สูงมาก ซึ่งสามารถพัดพาทุกสิ่งที่ขวางทางออกไป รวมทั้งการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่มีความรุนแรงพอสมควร

แนวทางการลดปัญหาและสาเหตุของภัยพิบัติ

แม้ว่ามนุษย์จะไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ทั้งหมด แต่เราสามารถลดความรุนแรงและความถี่ของภัยธรรมชาติได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน หนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ คือ การจัดการขยะอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น

  1. การลดขยะต้นทาง – การลดขยะหมายถึงการลดปริมาณการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ซึ่งช่วยลดการเผาขยะและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้
  • นำถุงผ้า กระบอกน้ำ และภาชนะส่วนตัวมาใช้แทนของใช้แบบใช้แล้วทิ้ง
  1. การรีไซเคิล – รีไซเคิลเป็นการนำวัสดุที่ผ่านการใช้งานแล้วกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดความต้องการวัตถุดิบใหม่ ลดพลังงานในการผลิต และลดปริมาณขยะที่จะกลายเป็นมลพิษ
  • แยกขยะอย่างถูกต้อง เช่น ขวดแก้ว พลาสติก กระดาษ โลหะ
  • ส่งขยะที่รีไซเคิลได้ให้ศูนย์รับซื้อ
  • สนับสนุนสินค้าจากวัสดุรีไซเคิล เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หรือของใช้ในบ้าน
  1. การขายขยะรีไซเคิล – การขายขยะไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ แต่ยังสามารถสร้างรายได้ และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชน
  • ขวดน้ำพลาสติก, แก้ว, กระป๋องอลูมิเนียม, กระดาษลัง ฯลฯ ล้วนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
  • ร้านรับซื้อของเก่าหรือโครงการรีไซเคิลชุมชนสามารถรับขยะเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ต่อได้

สรุป

ภัยธรรมชาติคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตมนุษย์ แต่เราสามารถเข้าใจและปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับมันได้อย่างปลอดภัย ด้วยการศึกษาว่าภัยธรรมชาติ คืออะไร, ภัยธรรมชาติ เกิดจากอะไร, และรู้จักสาเหตุของภัยธรรมชาติที่สำคัญอย่างภาวะโลกร้อน ซึ่งสามารถลดผลกระทบได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการลดขยะ การรีไซเคิล และการขายขยะให้กับ EMI ร้านรับซื้อขยะรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ความร่วมมือของทุกคนมีส่วนสำคัญในการสร้างโลกที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลังต่อไป

โพสต์ล่าสุด
Clear Filters